
ความรู้เบื้องต้นสำหรับเข้าใจโน้ตต่างๆที่ประกอบกันเป็นคอร์ด1. major (หรือ minor ด้วยก็ได้) scale: ใช้ช่วยหาขั้นคู่เมื่อเทียบกับ major scale2. interval สามารถรู้ได้เพิ่มหลังจากรู้จักกับ scale ข้างบนข้อ 1 นั่นแหละเวลาที่ผมชอบบอกโครงสร้างคอร์ด ก็จะชอบใช้เป็นตัวเลขครับเช่น 1 3b 5 7 9, 1 2 4 5 อะไรทำนองนี้โดยตัวเลขนี้ เทียบกับขั้นคู่ปกติใน Major Scaleเช่น สมมติ Bb major scale มีโน้ต Bb C D Eb F G A Bb1 2 4 5 ก็คือโน้ต Bb C Eb F1 2b 4 5 ก็คือโน้ต Bb Cb Eb F เป็นต้น (เทียบตามตำแหน่ง และเพิ่ม b # ตามจุดที่กำหนด)- - -ต่อไป การยกตัวอย่าง จะเป็นคอร์ด C ทั้งหมดครับtriad ไตรแอด: โน้ตที่เรียงกัน 3 ตัว โดยเป็นคู่ 3 ของกันและกันโครงสร้างพื้นฐานของ triad คือ 1 3 5major triad: 1 3 5สัญลักษณ์ C (หรือ Cma หรือ Cmaj เห็นตามหนังสือ jazz บ้าง)minor triad: 1 3b 5สัญลักษณ์ Cm (หรือ Cmi หรือ Cmin หรือ C - อันนี้เป็น C ขีด เห็นตามหนังสือ jazz บ้าง)augmented triad: 1 3 5#สัญลักษณ์ Caug หรือ C+ หรือ C(#5)diminished triad: 1 3b 5bสัญลักษณ์ Cdim หรือ Co (เติมด้วย กลมๆ) หรือ Cm(b5)Seventh Chords หรือคอร์ดเซเว่นธ์ถ้ามีแค่เลข 7 จะเป็นการเพิ่มคู่ 7 minorถ้าเติม maj7 จะเป็นการเพิ่มคู่ 7 major(หมายเหตุ: บางที maj7 เขียน Δ7 หรือแค่ Δ)ถ้าเป็นคอร์ด dim7 ตัวคู่ 7 minor จะถูก dim ลง กลายเป็นคู่ 7 dimดังนี้:C7 = 1 3 5 7b อ่าน ซีเซเว่น, ซี โดมิแนนท์เซเวนCmaj7 = 1 3 5 7 อ่าน ซีเมเจอร์เซเวนCm7 = 1 3b 5 7b อ่าน ซีไมเนอร์เซเวนCm maj7 หรือ Cm(maj7) = 1 3b 5 7 อ่าน ซีไมเนอร์ เมเจอร์เซเวน(หมายเหตุ: m ตัวแรก เป็นการบอกว่าเป็น C minor แต่ maj เป็นการบอกว่าเป็น maj7)Cdim7 หรือ Co7 = 1 3b 5b 7bb (หรือบางคนคิดเป็น 1 3b 5b 6 ไปเลย)Cm7(b5) หรือ Cø7 มีโครงสร้างเป็น 1 3b 5b 7b (ด้านล่างเหมือนคอร์ด dim)(หมายเหตุ: สัญลักษณ์ กลมๆ o กับ ø เป็นสัญลักษณ์มาจาก ทฤษฎีดนตรีคลาสสิคอีกด้วย)- - -Extended ChordsExtend ในที่นี้ แปลว่า ขยาย ก็คือเราเพิ่มโน้ตเข้าไปเพื่อขยายคอร์ดขึ้นไปจะมีคำที่อาจจะสับสนกันหลายครั้ง คือคำว่า tension chord และ chord extensionคำว่า tension chord แปลว่า "คอร์ดที่มีขั้นคู่ที่กัด อยู่ในโครงสร้างของคอร์ด"และ chord extension แปลว่า "ส่วนที่ขยายคอร์ดในแบบดั้งเดิมออกไป"เช่น C9 เป็น tension chord แต่ C9 มี 9 เป็น chord extension เพื่อเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ด C7ประการฉะนี้แลคอร์ดต่างๆ เราสามารถ add หรือ เพิ่ม โน้ตดีกรีต่างๆเข้าไปได้add9 หรือ (9) ก็เพิ่มคู่ 9 major เข้าไปเช่น C(9) = 1 3 5 9add4 หรือ add11 ก็เพิ่มคู่ 4 perfect เข้าไป บางทีเขียน 4 ตามหลังไปเลยเช่น Cadd4 = 1 3 4 5add6 ก็เพิ่มคู่ 6 major เข้าไป บางทีก็เขียน 6 ลงไปตรงๆเลย ถ้าเป็น b6 ก็สามารถใช้ (b6) เพื่อแปลว่า add b6 ได้เช่น C6 = 1 3 5 6, Cm(b6) = 1 3b 5 6badd6(9) ก็คือเพิ่มคู่ 6 major และคู่ 9 major เข้าไป อาจจะเขียนเป็น 6(9) หรือบางคนเขียน 6/9 หรือ 6 ยกกำลัง 9เช่น C6(9) = 1 3 5 6 99 คือคอร์ด 7 ที่ add9เช่น C9 = C7 add 9 = 1 3 5 7b add9 = 1 3 5 7b 9Cm9(b5) = Cm7(b5) add9 = 1 3b 5b 7b add9 = 1 3b 5b 7b 9b11 คือคอร์ด 7 ที่ add9 และ add11 ปกติแล้ว 3 จะถูกตัดออกไป เพราะไปกัดกับ 11เช่น C11 = C7 ตัด 3 ออก add9 add11 = 1 5 7b 9 11แต่คอร์ด 11 ที่เป็น minor ไม่ต้องตัด 3 ออกเช่น Cm11 = Cm7 add9 add11 = 1 3b 5 7b 9 1113 คือคอร์ด 7 ที่ add9 และ add13 (ปกติไม่ add11)เช่น C13 = C7 add9 add13 = 1 3 5 7b 9 13Cm13 = Cm7 add9 add13 = 1 3b 5 7b 9 13คำว่า maj9, maj13 คือคอร์ด maj7 ที่มีเพิ่มตามที่บอก เช่น maj9 คือ maj7 add 9, maj13 คือ maj7 add 9 add 13- - -นอกจากนั้น สิ่งที่ add สามารถกำหนด b # ให้กับมันได้เราก็จะได้ chord extension ที่สามารถ add ได้ตามนี้:b9, 9, #911, #11b13, 13ยกตัวอย่าง:Cb9 <-- ระวังให้ดี ไม่ใช่ C add b9 แต่เป็น Cb7 add 9 ฮ่าๆๆๆC7(b9) = 1 3 5 7b 9bC7(#9) = 1 3 5 7b 9# <-- เสียง #9 ในแบบที่ได้ยินจากคอร์ดที่ออกเสียง BluesCmaj9(#11) = Cmaj7 add9 add#11 = 1 3 5 7 9 11#C11(b9) = C11 เปลี่ยน 9 เป็น b9 = 1 (เอา 3 ออก) 5 7b 9b 11C13(b9) = C13 เปลี่ยน 9 เป็น b9 = 1 3 5 7b b9 13C13(#11) = C13 เพิ่ม #11 = 1 3 5 7b 9 #11 13C7(b9 #9) = C7 เพิ่มทั้ง b9 และ #9 = 1 3 5 7b 9b #9C9(b13) = C9 เพิ่ม b13 = 1 3 5 7b 9 b13- - -การเปลี่ยน 5ในกรณีที่มีการเขียนไว้ว่า ( อะไรซักอย่าง 5 )แสดงว่าให้ เปลี่ยน 5 เป็นตามที่ระบุไว้เช่น (b5) (#5) (no 5) <-- no 5 แปลว่า ไม่ต้องเล่นตัว 5C7(#9)(#5) = 1 3 5# 7b #9 มีอีกชื่อว่า altered chord (ใช้โน้ตมาจากโหมดชื่อ altered หรือ super locrian)Cmaj7(b5 #5) = 1 3 5b 5# 7 ทำแบบนี้ก็ได้ คือมีทั้งสองแบบพร้อมๆกันC(no 5) = 1 3Cm9(b5) = 1 3b 5b 7b 9คำว่า (#5) อาจจะถูกแทนได้ด้วย aug หรือ + ก็ได้ เช่นC+9 คือ C9(#5) = 1 3 5# 7b 9หมายเหตุเพิ่มเติม:คอร์ดพวกที่มี 9 11 13 ทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเป็นคอร์ดที่เล่นตัว 5 ตรงๆจะสามารถตัดตัว 5 นั้นออกไปเลย คือไม่ต้องเล่น เป็นที่เข้าใจกันจะเล่นก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเล่น ก็ได้กลิ่นเสียงที่จำเป็นแล้วแต่ในกรณีที่มี 5 ที่กำหนดไว้ เช่น (b5), (#5) ให้เล่นตามที่กำหนด- - -Suspended Chord (sus)เป็นคอร์ดที่เปลี่ยนตัว 3 ไปไว้ที่โน้ตข้างๆตามที่กำหนดCsus2 = 1 2 5Csus4 = 1 4 5เช่น คอร์ดที่เจอกันบ่อยๆ C7 sus4 = 1 4 5 7bยกตัวอย่างเพิ่ม C7(b9)sus4 = 1 4 5 7b b9(คือยกตัวอย่างว่า สามารถเอาไปผสมกับ chord extension อื่นๆได้อีก)ในกรณีที่เขียนแค่ sus หมายถึง sus4- - -Polychordคือการเล่นคอร์ดทับกัน คือเอาเสียงของคอร์ดหนึ่ง ไปเล่นอยู่เหนือคอร์ดอีกคอร์หนึ่งสัญลักษณ์คือ เขียนเหมือนเศษส่วนคอร์ดบน------คอร์ดล่างเช่นD-Cคือ คอร์ด C เมเจอร์ แล้วเล่น D เมเจอร์ เพิ่มขึ้นไปเหนือเสียงของ C เมเจอร์ก็ได้โน้ตC E G + D F# Aสอดคล้องกับคอร์ด C(13 #11 9)Db--G7ก็จะมีโน้ต G B (D) F + Db F Ab B- - -Power Chord หรือ พาวเวอร์คอร์ดเป็นคอร์ดที่เล่นแค่โน้ต 1 กับ 5 เท่านั้นอาจจะเขียนแค่เลข 5 ต่อท้ายC5 = 1 5- - -การใช้คอร์ดที่มี onการที่เขียนคอร์ดอย่างหนึ่ง แล้ว on โน้ตอีกโน้ตหนึ่ง (หรือบางทีใช้เครื่องหมาย / หรือเครื่องหมาย ทับ)เช่น C on Bb หรือ C/Bbจะแปลว่า เล่นคอร์ดตามที่กำหนด แต่เปลี่ยนโน้ตเบส ไปเป็นโน้ตที่กำหนดว่าให้ on อะไร- - -อันนี้รวบรวมคอร์ดสำหรับ pop, rock, jazz เท่าที่ใช้กันบ่อยๆมานะครับยังมีคอร์ดอีกมากมายหลายรูปแบบโดยที่สามารถศึกษาเพิ่มได้จากทฤษฎีดนตรี คลาสสิค และทฤษฎีดนตรีตั้งแต่ยุค 20th centuryคือช่วงระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา ก็มีคอร์ดชนิดต่างๆอีกหลายแบบเกิดขึ้นแต่ถ้าในเชิง pop rock jazz ส่วนใหญ่ก็ยังไม่หลุดไปจากคำอธิบายคอร์ดในลักษณะนี้